ระวัง อาการท้องเสียบ่อย อาจเกิดโรคลำไส้ไม่รู้ตัว ?

ท้องเสีย

ปัจจัยสำคัญที่มักทำให้หลายคนต้อง เผชิญกับอาการท้องเสียอยู่บ่อยครั้ง มักเกิดจากพฤติกรรมการทานอาหารที่ไม่ทันได้ระวัง จนอาจเผลอรับเชื้อโรคเข้าไปในร่างกาย หากใครที่มีปัญหาท้องเสียเป็นประจำ หรืออาการท้องเสียขั้นรุนแรง บทความนี้จะมาไขข้อสงสัย พร้อมแชร์แนวทางป้องกันอาการเบื้องต้น ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดโรคลำไส้โดยไม่รู้ตัว

 

อาการท้องเสีย เกิดจากสาเหตุใดบ้าง 

ส่วนใหญ่ อาการท้องเสียมักเกิดจากการเลือกทานอาหารที่ไม่สะอาด มีสารปนเปื้อน หรือการที่ร่างกายได้รับเชื้อโรค ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร นำไปสู่อาการท้องเสีย นอกจากนี้อาจเกิดได้จากปัจจัยอื่น ๆ ในร่างกาย เช่น เกิดจากโรคประจำตัว หรือ ช่วงการทานยาบางชนิดได้เช่นกัน

อาการท้องเสีย มีความรุนแรงหลายระดับ หากแบ่งตามระยะเวลาที่มีอาการ สามารถแบ่งได้ดังนี้

  1. ท้องเสียเฉียบพลัน เป็นภาวะที่พบได้บ่อย ส่วนใหญ่มักจะมีอาการอยู่ประมาณ 1 – 3 วัน จากนั้นจะเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ และสามารถหากได้เอง
  2. ท้องเสียต่อเนื่อง เป็นภาวะที่เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น โดยจะมีอาการอยู่ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ หรืออาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลีย ควรสังเกตอาการและรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อให้รักษาได้อย่างถูกต้อง 
  3. ท้องเสียเรื้อรัง เป็นภาวะท้องเสียรุนแรง โดยจะมีอาการถ่ายเหลวต่อเนื่องประมาณ 4 สัปดาห์ขึ้นไป อาจจะเป็น ๆ หาย ๆ หรือมีอาการอื่นแทรกซ้อน เช่น ถ่ายปนเลือด อ่อนเพลีย ไม่มีแรง แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจอย่างละเอียด

 

ท้องเสียแบบไหนที่ควรระวัง 

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า อาการท้องเสียเป็นอาการที่มีความรุนแรงหลายระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ที่สามารถหายเองได้ ไปจนถึงอาการรุนแรงต่อเนื่อง แล้วอาการท้องเสียแบบไหน ที่เริ่มผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างละเอียดอีกครั้ง 

  • ถ่ายเหลวมากผิดปกติ หรือมีอาการอาเจียนร่วมด้วย 
  • อุจจาระมีความผิดปกติ เช่น มีเลือดหรือ มีมูกเลือดปนร่วมด้วย 
  • รู้สึกมีไข้สูง หรือ ปวดศีรษะ 
  • มีภาวะขาดน้ำ และเกลือแร่ เช่น ผิวแห้ง ปากแห้ง 

นอกจากนี้ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงเช่น ผู้มีโรคหัวใจ เส้นเลือดสมอง หรือผู้สูงอายุ หากมีอาการท้องเสียควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างเหมาะสม 

ท้องเสียเป็นสัญญาณบอกโรคอะไรบ้าง 

  • โรคลำไส้แปรปรวน เป็นโรคเรื้อรัง ที่อาจมีอาการท้องเสีย สลับกับท้องผูก หรืออาจมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อร่วมด้วย ผู้ป่วยมักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ ติดต่อกันนาน 6 สัปดาห์ โรคนี้เป็นโรคที่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นสำหรับใครที่มีอาการเหล่านี้ หรือสงสัยว่ามีภาวะลำไส้แปรปรวน แนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ และรักษาอย่างตรงจุดมากขึ้น 
  • ไทรอยด์เป็นพิษ เพราะฮอร์โมนไทรอยด์สามารถกระตุ้นให้ลำไส้ เกิดการทำงานที่มากผิดปกติ โดยมักเกิดในกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะไทรอยด์สูง ที่อาจจะมีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเรื้อรัง แบบเป็น ๆ หาย ๆ หรือมีอาการอื่น ร่วม เช่น ใจสั่น น้ำหนักลดลงผิดปกติ เป็นต้น 
  • มะเร็งลำไส้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการท้องเสียต่อเนื่อง  4 สัปดาห์ โดยอาจมีการถ่ายปนเลือด หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เบื่ออาหารผิดปกติ, มีไข้ต่ำ ๆ ต่อเนื่อง, น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว และหากมีประวัติคนในครอบครัว ญาติสายตรงเป็นมะเร็งลำไส้ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงและทำการรักษาอย่างถูกต้อง 

 

ป้องกันอาการท้องเสียเบื้องต้น อย่างไรดี 

แนวทางการป้องกันอาการท้องเสียเบื้องต้น แนะนำให้เลือกทานอาหารที่สุก สะอาด ตามคอนเซปต์ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” ทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร และหากมีอาการท้องเสียแล้ว ยิ่งควรให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารมากขึ้น 

เลี่ยงการทาน : อาหารที่มีกากใยสูง เพราะจะยิ่งกระตุ้นการขับถ่าย, อาหารย่อยยาก, ชา นม กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ, อาหารรสจัด รวมทั้งอาหารหมักดอง อาหารเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้อาการท้องเสียรุนแรงขึ้น ไม่หายสักที 

เสริมการทาน : อาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ต้มจืด, อาหารอ่อน, ดื่มน้ำสะอาดและเกลือแร่, 

นอกจากนี้ สามารถทานโยเกิร์ต ที่มีโพรไบโอติกส์ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อเป็นตัวช่วยในการปรับสมดุลลำไส้ ลดอาการท้องเสีย และยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น 

จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ มีส่วนช่วยอาการท้องเสียอย่างไรได้บ้าง 

อย่างที่ทุกคนได้ยินกันมาบ่อยครั้ง ร่างกายของเราประกอบไปด้วยจุลินทรีย์มากมาย นับล้านชนิด มีทั้งจุลินทรีย์ชนิดดี และจุลินทรีย์ตัวร้ายที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เช่น Bacillus Coagulans (BC198), Bifidobacterium lactis, และ Lactobacillus acidophilus มีบทบาทสำคัญในการช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้ โดยทำงานร่วมกันเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ และเสริมสร้างสุขภาพของระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น

 

เมื่อเรามีสมดุลของจุลินทรีย์ชนิดดีและจุลินทรีย์ตัวร้ายที่สมดุลในลำไส้ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์จะช่วยสร้างกรดแลคติกซึ่งช่วยควบคุมค่า pH ในลำไส้ ทำให้สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดอาการท้องเสีย การเสริมโพรไบโอติกส์อย่างสม่ำเสมอจึงช่วยป้องกันปัญหาขับถ่ายและทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้เป็นปกติ

สำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสียบ่อยหรือเป็นประจำ การตรวจเช็กชนิดจุลินทรีย์ในลำไส้จะช่วยให้ทราบสาเหตุของอาการได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น การปรับอาหารที่รับประทานและการเสริมโพรไบโอติกส์ให้เหมาะสมจะช่วยปรับสมดุลให้จุลินทรีย์ชนิดดีทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการดูแลสุขภาพลำไส้ให้แข็งแรงและป้องกันปัญหาในระยะยาว

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save