อาการท้องอืด และกรดไหลย้อน เป็นอาการที่สามารถพบได้ทุกช่วงอายุ ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร โดยปัจจัยหลัก ๆ ที่มักทำให้เกิดอาการเหล่านี้มักมาจาก พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน และพฤติกรรมการทานอาหาร บทความนี้จะพามา เช็ก พฤติกรรมเสี่ยงที่อาจกระตุ้นให้ร่างกายเกิดอาการท้องอืด และกรดไหลย้อน รวมทั้งแชร์วิธีป้องกันอาการเบื้องต้นง่าย ๆ
อาการท้องอืด และกรดไหลย้อน เป็นยังไง ?
อาการท้องอืด เป็นอาการที่มีแก๊ส หรือ ลมในช่องท้องจำนวนมาก ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น อาหารไม่ย่อย จนทำให้รู้สึกอึดอัด แน่นท้อง อาการเหล่านี้สามารถพบเจอได้ทุกช่วงอายุ และทุกช่วงวัย แต่มักพบมากในกลุ่มอายุ 30-40 ปีขึ้นไป
สำหรับอาการ กรดไหลย้อน ที่พบบ่อย เช่น “รู้สึกแสบร้อนกลางอก จุกเสียดบริเวณลิ้นปี่ โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารเสร็จ” “รู้สึกเรอเปรี้ยว” หรือ “รู้สึกว่ามีอาหารย้อนขึ้นมา”
พฤติกรรมที่อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด และกรดไหลย้อน
อาการท้องอืด และกรดไหลย้อนสามารถเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น
- พฤติกรรมในการรับประทานอาหารในแต่ละวัน ที่กระตุ้นให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารมากเกินไป เช่น การรับประทานอาหารเร็ว การเคี้ยวไม่ละเอียด การทานอาหารผิดเวลา การทานอาหารรสจัด หรือการเลือกทานอาหารที่มีแก๊สมากจนเกินไป อย่าง น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พฤติกรรมเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดแก๊ส หรือลมในช่องท้องที่มากกว่าปกติ ส่งผลให้รู้สึกอึดอัดบริเวณช่องท้องมากขึ้น
- นอกจากการทานอาหารที่เป็นการกระตุ้นให้เกิดแก๊สในกระเพาะแล้ว ยังมีอาการอื่น ๆ เช่น การอักเสบ หรือแผลภายในกระเพาะอาหารที่เป็นสาเหตุ ให้เกิดอาการท้องอืด และกรดไหลย้อน ได้เช่นกัน
- ยิ่งมีอายุมากขึ้น การทำงานของระบบย่อยอาหารก็มักจะเสื่อมลงตามวัย อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องอืด ได้ นอกจากนี้ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ที่อาจทำให้ระบบย่อยอาหารไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหา ท้องอืด และ กรดไหลย้อน ได้เช่นกัน
- จำนวนแบคทีเรียในลำไส้ที่ไม่สมดุล
- พฤติกรรมระหว่างการทานอาหารที่กระตุ้นให้เกิดลมในช่องท้องมากขึ้น เช่น การพูดคุยระหว่างการรับประทานอาหาร การดื่มน้ำ ที่อาจทำให้กลืนอากาศเข้าไปมากเกินไป หรือแม้แต่พฤติกรรมการนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน ไม่ค่อยได้ขยับร่างกาย ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ได้เช่นกัน
ความไม่สมดุลของ จุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร กับอาการท้องอืด
สาเหตุของอาการท้องอืด จากความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในระบบย่อยอาหาร ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการย่อย ดูดซึม และเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากร่างกายมีปริมาณจุลินทรีย์ในลำไส้ ที่ไม่สมดุล ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องอืด ได้ เช่น
- จุลินทรีย์ในลำไส้ที่ไม่สมดุล ก่อให้เกิดการย่อยอาหารที่ไม่สมบูรณ์ อาหารเหล่านั้นอาจเกิดการสะสมกลายเป็นแก๊สในช่องท้องที่มากขึ้น
- การมีจุลินทรีย์บางชนิดที่มากจนเกินไป อาจทำให้เกิดการผลิตแก๊สในขณะย่อยอาหารที่มากจนเกินไป ทำให้เกิดอาการท้องอืด ได้
- บางคนที่มีปัญหาเรื่องการย่อยแลคโตส ร่างกายอาจจะไม่สามารถผลิตเอนไซม์ในการย่อยแลคโตสได้ ส่งผลให้จุลินทรีย์บางชนิดในลำไส้ทำหน้าที่ย่อยแลคโตสแทน ก่อให้เกิดแก๊สในช่องท้องมากขึ้น
แนะนำให้เสริมด้วยโพรไบโอติกส์ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เลือกทาน modgut สูตร Balance & Harmony ผลิตภัณฑ์สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่อง การขับถ่ายโดยเฉพาะ ที่มีจุลินทรีย์ Bacillus Coagulans BC198 เป็นหนึ่งในส่วนประกอบเพื่อช่วยปรับสมดุลลำไส้ เสริมให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ป้องกันอาการท้องอืด และกรดไหลย้อนอย่างไรดี ?
อาการท้องอืด และกรดไหลย้อนถึงแม้จะเป็นอาการเริ่มต้นที่ไม่รุนแรงมากนัก แต่หากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน อาจนำมาสู่โรคร้ายที่เป็นอันตรายต่อระบบสุขภาพ เราสามารถลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการท้องอืด และกรดไหลย้อนได้ง่าย ๆ โดยการเริ่มต้น
- ปรับพฤติกรรมการทานรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม เลี่ยงการทานอาหารที่ย่อยยาก ไม่ทานเร็ว หรือมากจนเกินไป
- เลี่ยงการทานอาหารที่อาจกระตุ้นอาการ เช่น อาหารรสจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มากจนเกินไป นอกจากนี้
- ลดพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ เช่น การนอนราบทันทีหลังรับประทานอาหาร หรือการออกกำลังกายทันที อย่างน้อยควรเว้นระยะห่างประมาณ 3-4 ชั่วโมง หรือหากจำเป็นต้องนอนจริง ๆ ให้ยกหมอนสูง เพื่อป้องกันการไหลย้อน
หากรู้สึกถึงความผิดปกติภายในร่างกาย ท้องอืดบ่อย หรือ รู้สึกแสบร้อนกลางอก เป็นเวลานานมากกว่า 2 – 3 สัปดาห์ รวมทั้งมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น น้ำหนักลดลงผิดปกติ รู้สึกเหนื่อยล้า หรือมีการขับถ่ายที่เปลี่ยนไป แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่ชัดเจน และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดมากขึ้น